หลังจากที่ทราบถึง 1-6 bar patterns ในตอนที่ 1-2 กันไปแล้ว มาต่อกันอีก 3 patterns ที่เหลือกันในตอนสุดท้ายตอนที่ 3 นี้
- Inside bar

ประกอบด้วย 2 แท่งเทียน
แท่งที่ 2 นั้นจะอยู่ในบริเวณของแท่งแรกทั้งหมด หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ Low ของแท่งที่ 2 สูงกว่าแท่งแรก และ High ของแท่งที่ 2 ต่ำกว่าแท่งแรก
ความหมาย
เป็นการแสดงถึงการแกว่งตัวที่แคบลงของราคา ความผันผวนลดลง ยังไม่สามารถตัดสินใจที่ว่าราคาจะเป็นอย่างไร รอที่จะเลือกทิศทางว่าจะไปทางไหน
วิธีการเทรด
- วางออเดอร์ที่บริเวณที่เกิดการ Breakout
- Short เมื่อแท่งถัดมาทะลง Low ของแท่งที่ 2
- วางออเดอร์ตามแนวโน้มใหญ่
- แนวโน้มลง เล่นแต่ฝั่ง Short

ตัวอย่าง Inside bar (ฝั่ง Short)
- Outside bar

ประกอบด้วย 2 แท่งเทียน
ตรงข้ามกับ Inside bar โดย Outside bar จะเป็นแท่งที่สองครอบคลุมบริเวณของแท่งที่ 1 ทั้งหมด หรือคือ แท่งที่ 2 นั้นทำ High สูงกว่าแท่งแรก และทำ Low ต่ำกว่าแท่งแรกด้วย
ความหมาย
เกิดการดีดตัวกว้างของราคา ความผันผวนเพิ่ม แสดงถึงความแข็งแกร่งของทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งซื้อ และ ขาย ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะเป็นในทิศทางใด แต่บ่งชี้ว่าความผันผวนนั้นเพิ่มขึ้น
วิธีการเทรด
- รอเทรดในจังหวะ Breakout ของแท่งที่ 2 คือ Long ตามเมื่อทะลุ High หรือ Short ตามเมื่อทะลุ Low
- รอเทรดในจังหวะที่เป็น Fail breakout เนื่องจากการ Breakout ของ Outside bar มักไปไม่ไกล

ตัวอย่าง Outside bar (Short)
- NR7

ประกอบด้วย 7 แท่งเทียน
แท่งที่ 7 นั้นเป็นแท่งที่การแกว่งตัวแคบที่สุดใน 7 แท่ง คือช่วง High ลบ Low นั้นน้อยที่สุดนั่นเอง
ความหมาย
แสดงถึงการบับอัดของความผันผวนที่แคบลงเรื่อยๆ ซึ่งราคายังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกไปในทิศทางใด แต่เป็นสัญญาณว่าใกล้จะเกิดการเลือกทิศทางในระยะอันใกล้นี้แล้ว
วิธีการเทรด
- เปิด Long ตาม เมื่อราคาทะลุ High ของแท่งที่ 7 และแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น
- เปิด Short ตาม เมื่อราคาทะลุ Low ของแท่งที่ 7 และแนวโน้มหลักเป็นขาลง

ตัวอย่าง NR7 (Short)
ก็ครบทั้ง 9 bar patterns กันไปแล้ว ซึ่งรูปแบบที่กล่าวทั้งหมดนี้ เป็นรูปพื้นฐานที่เทรดเดอร์สาย Price action ส่วนมากใช้เทรดกัน สามารถนำไปสร้างกำไรในตลาด Forex แห่งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพทีมงาน : thaiforexbroker.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น