การใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เหมาะสมนั้นก็จะยิ่งทำเครื่องมือนั้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากยิ่งขึ้น เหมือนกันการเลือกอาวุธในสนามรบ ปืนยาวก็เหมาะกับเป้าหมายที่อยู่ไกลแต่ไม่คล่องแคล่ว ส่วนปืนสั้นก็เหมาะกับเป้าหมายที่ใกล้และคล่องแคล่วกว่า การเทรดก็เช่นกัน แต่ละเครื่องมือก็เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างกันออกไป บางอันเหมาะกับตลาด Sideway บางอันเหมาะสมกับตลาด Trending ซึ่งเป็นหน้าที่ของเทรดเดอร์ที่ต้องเลือกเครื่องมือนั้นมาใช้ให้เหมาะสม
Bollinger bands
เครื่องมือนี้ถูกพัฒนาโดย John Bollinger ที่สร้างขึ้นมาเพื่อวัดความผันผวนของราคา หลักๆ เลยคือดูว่าตลาดนั้นผันผวนมาก หรือน้อย เมื่อช่วงที่ราคาผันผวนมากกรอบ Bands จะกว้าง แต่ถ้าช่วงผันผวนน้อยกรอบ Bands จะแคบ

ที่มาของ Bollinger bands นั้นถูกสร้างมาจากเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน และสร้างกรอบล่าง กับกรอบบน โดย + / - SD เข้าไป (SD = ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน , ไว้วัดความผันผวนของข้อมูลในทางสถิติ) ซึ่งสิ่งสำคัญนั้นคือการใช้เครื่องมือนี้ในการสร้างกำไรในการเทรดมากกว่า
พฤติกรรมของการแตะกรอบ Bollinger มี 2 แบบ
- Bounce
- Squeeze
แบบ Bounce
การแกว่งตัวในกรอบ Bollinger ของราคานั้น จะแกว่งไปๆมาๆในกรอบดังกล่าวเป็นส่วนมาก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่หลายคนส่วนมากเห็นพฤติกรรมนี้

นี่เป็นพฤติกรรม Classic ของการแกว่งตัวในกรอบ Bollinger band เปรียบเสมือนกรอบบนและกรอบล่างนั้นทำหน้าที่เป็นแนวรับ และแนวต้าน ซึ่งหลักการนี้ใช้ได้ดีในช่วงที่ตลาดเป็น Sideway หรือ Ranging ในกรอบ หลายคนอาจคิดว่าอย่างงี้ก็เทรดง่ายๆ สบายๆ ละสิ มันไม่ง่ายขนาดนั้น ก็เพราะยังมีอีกพฤติกรรมหนึ่ง Squeeze นั่นเอง
Squeeze
เป็นช่วงที่ราคาแตะกรอบ Bollinger bands ขึ้นแต่ไม่ดีดกลับลงมา ราคาได้ปรับตัวขึ้นแรงต่อ แสดงถึงความเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่ง

ซึ่งหน้าที่ของเราคือสร้างกลยุทธ์ว่าจะเล่นแบบ Mean reversion หรือ Trend following ถ้า Mean reversion ก็ใช้แบบ Bounce ส่วน Trend following ก็ใช้แบบ squeeze ส่วนในเรื่องของการพิจารณาว่าในช่วงนั้นเป็นอะไรก็ต้องอาศัยหลัก Technical อื่นเข้ามาช่วยจับ ทั้งแนวรับ แนวต้าน , เส้นค่าเฉลี่ย , รูปแบบแท่งเทียน ต่างๆ เป็นต้น ในการช่วยกันเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด
ทีมงาน : thaiforexbroker.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น